มาล่ะครับผม บทความร้อนๆ มาส่งแล้วจ้า
หลังจากลองทำดูเกือบสองอาทิตย์ และแล้วเหมือนฟ้าจะเป็นใจ
ด้วยความที่ว่าวันนี้ต้องปิดโปรเจกนี้ล่ะ และมันก็ได้ขึ้นมาซะงั้น
ลั้นล๊าาา ฮ่ะๆ มีความสุข เหอๆ
สิ่งที่คุณควรจะมีและติดตั้งไว้แล้ว มีดังนี้
ติดตั้งเจ้าตัว PHP และ JAVA Bridge จากบทความก่อนหน้านี้ซะก่อนนะ
และอย่าลืม ดูที่ไฟล์ php.ini นะครับ ในส่วนของด้านล่างนี้
-----------------------------------------------------
java.library.path="C:\php\ext\lib"
-----------------------------------------------------
ซึ่งจะเป็นที่เก็บ lib ของ iReport นะครับ
ที่สำคัญปิด Service ของ Apache ซะก่อนนะครับ
สร้างห้อง ชื่อว่า lib ใน PHP จะเป็นแบบนี้ C:\PHP\ext\lib
โหลด iReport-3.0.0.zip มาไว้ในเครื่อง และเอา lib ในนั้นทั้งหมด
วางไว้ในห้องที่พึ่งสร้างคือ C:\PHP\ext\lib
ใช้ iReport มาแล้วก็วาดๆๆ จนได้ไฟล์ .jrxml ขึ้้นมาซักไฟล์นะ
แล้วนำไปวางที่ www นะครับ
ตรวจสอบว่ามีไฟล์ mysql-connector-java-5.1.6-bin.jar
ในห้อง C:\PHP\lib\ext หรือยัง ถ้ายังก็โหลดมาไว้ เช่น
นำ mysql-connector-java-5.1.6-bin.jar
จาก mysql-connector-java-5.1.6.tar.gz
วางไว้ใน C:\PHP\ext\lib
(กรณีนี้คือติดต่อ กับ mySQL)
สร้างไฟล์ขึ้นมาเพื่อต่อฐานข้อมูล
ลองดูโค๊ดจาก class JdbcConnector ในลิงค์ด้านล่างนะครับ
http://charly-clairmont.developpez.com/tutoriels/php-jasper-reports/
แนะนำให้ comment code ในส่วนของ method main นะครับ
และส่วนของบรรทัดแรก comment code ที่เป็นการประกาศ package
จากนั้น compile code จะได้ JdbcConnector.class มาหนึ่งไฟล์
นำไปวางไว้ที่ C:\PHP\ext\lib
สร้างไฟล์ PHP ในหัวข้่อ "PHP jasper report Library" จากลิงค์
http://zeronine.org/lab/index.php/Using_Jasper_report_with_PHP
$java_locale->setDefault($java_locale->KOREAN); เปลี่ยนเป็น
$java_locale->setDefault($java_locale->ENGLISH);
สร้างไฟล์สำหรับทดสอบ ในหัวข้อ "Test loader" จากลิงค์เดียวกัน
define('REPORT_COMPILE', false); เปลี่ยนเป็น
define('REPORT_COMPILE', true);
$jasperLib = "C:\PHP\ext\lib"; ให้ระบุไปยังที่ๆ เรานำ lib iReport มาไว้
$reportPath = "C:\Appserv\www"; ให้ระบุไปยังที่ๆ เก็บไฟล์ .jrxml
เปลี่ยนรูปแบบการรับตัวแปร จาก
$_REQUEST['report'] เป็น $report
$_REQUEST['type'] เป็น $exportType
ทั้งนี้อย่าลืมใส่ค่าตัวแปรด้วย
อันนี้คงจะพอเข้าใจและประยุกต์กันได้
จึงไม่ขออธิบายนะครับ
Aug 22, 2008
Aug 18, 2008
PHP/JAVA Bridge step by step! (win32)
หลายๆ คน คงเคยคิดที่จะนำภาษาที่แตกต่างกัน
มาใช้ร่วมกันในงานของตนเองนะครับ
บทความนี้ จะนำเสนอ เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการ
ในการทอดสะพานเชื่อมระหว่างภาษา PHP และภาษา JAVA
โดยในที่นี้ จะให้ SERVER เป็นภาษา PHP และรันไฟล์ที่เป็น *.jar
ของ JAVA ทั้งนี้ *.jar เป็น java package ที่ถูกสร้างขึ้น
โดยการรวมกันของ *.class หลายๆ ไฟล์มารวมกับในลักษณะของ
การบีบอัดไฟล์ ซึ่งสามารถเปิดดูด้วยโปรแกรมบีบอัดทั่วไป
เช่น winRAR หรือ winZip
สิ่งที่คุณต้องมี (โปรแกรมที่ผมลงแล้วสำเร็จ)
apache_1.3.33-win32-x86-no_src.exe
php-5.1.4-Win32.zip
mysql-5.0.22-win32
jdk-6u1-windows-i586-p.exe
อย่าลืมกำหนด Path ต่างๆ ให้ จาวาสามารถทำงานได้นะครับ
ตัวอย่างตามนี้
---------------------------------------------------------
CLASSPATH = .
JAVA_HOME = C:\Program Files\Java\jdk1.5.0_10
PATH = %PATH%;%JAVA_HOME%\bin
---------------------------------------------------------
ลงสี่โปรแกรมนี้ให้สามารถทำงานได้ก่อน แล้วจึงโหลด
windows-php-java-bridge_3.2.1_j2ee.zip
แล้วทำตามขั้นตอนดัีงนี้
นำไฟล์ JavaBridge.jar จาก
windows-php-java-bridge_3.2.1_j2ee.zip\WEB-INF\lib
วางไว้ที่ C:\PHP\ext
และนำไฟล์ java-x86-windows.dll จาก
windows-php-java-bridge_3.2.1_j2ee.zip\WEB-INF\cgi
ไปวางไว้ที่ C:\PHP\ext เช่นกัน แต่ให้ทำการเปลี่ยนชื่อ
ไฟล์ดังกล่าวเป็น php_java.dll
ขั้นตอนต่อไปนี้ ควรจะหยุดการทำงานของ Apache ไว้ก่อนนะครับ
แก้ไขไฟล์ php.ini ใน C:/php
ถ้ายังไม่มีก็เพิ่มเข้าไปตามตัวอย่างด้านล่าง
แต่ถ้ามีแล้วก็ให้แก้ไขให้เป็นค่าตามด้านล่างเช่นกัน
-------------------------------------------------------------
extension_dir = C:\php\ext
extension = php_java.dll
-------------------------------------------------------------
และในส่วนของ module setting ใน php.ini เพิ่มข้างล่างนี้เข้าไป
โดยปรับให้เหมาะสมกับเครื่องของคุณ นะครับ
------------------------------------------------------------------------------------
[java]
java.java_home = "C:\Program Files\Java\jdk1.6.0_01\bin"
java.java = "C:\Program Files\Java\jdk1.6.0_01\bin\javaw.exe"
java.class.path = "C:\php\ext\JavaBridge.jar"
;java.library="C:\Program Files\Java\jdk1.6.0_01\jre\bin\client\jvm.dll"
java.library.path="C:\php\ext\lib"
;java.hosts = "127.0.0.1:8080"
;java.servlet = on
java.log_level = 2
------------------------------------------------------------------------------------
สร้างไฟล์เพื่อทดลองการต่อจาวา ชื่อว่า java1.php () ภาษา PHP นะครับ
------------------------------------------------------------------------------------
// get instance of Java class java.lang.System in PHP
$system = new Java('java.lang.System');
// demonstrate property access
echo 'Java version=' . $system->getProperty('java.version') . '\n';
echo 'Java vendor=' . $system->getProperty('java.vendor') . '\n';
echo 'OS=' . $system->getProperty('os.name') . ' ' .
$system->getProperty('os.version') . ' on ' .
$system->getProperty('os.arch') . '\n';
// java.util.Date example
$formatter = new Java('java.text.SimpleDateFormat',
"EEEE, MMMM dd, yyyy 'at' h:mm:ss a zzzz");
echo $formatter->format(new Java('java.util.Date'));
----------------------------------------------------------------------------------
ทดลองรัน เพื่อแสดงผลลัพธ์ ถ้าทำตามที่กล่าวมาก็จะสามารถต่อได้
ข้อมูลเ้พิ่มเติม สืบค้นได้ที่
http://www.dsl.uow.edu.au/~sk33/php5java.htm
มาใช้ร่วมกันในงานของตนเองนะครับ
บทความนี้ จะนำเสนอ เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการ
ในการทอดสะพานเชื่อมระหว่างภาษา PHP และภาษา JAVA
โดยในที่นี้ จะให้ SERVER เป็นภาษา PHP และรันไฟล์ที่เป็น *.jar
ของ JAVA ทั้งนี้ *.jar เป็น java package ที่ถูกสร้างขึ้น
โดยการรวมกันของ *.class หลายๆ ไฟล์มารวมกับในลักษณะของ
การบีบอัดไฟล์ ซึ่งสามารถเปิดดูด้วยโปรแกรมบีบอัดทั่วไป
เช่น winRAR หรือ winZip
สิ่งที่คุณต้องมี (โปรแกรมที่ผมลงแล้วสำเร็จ)
apache_1.3.33-win32-x86-no_src.exe
php-5.1.4-Win32.zip
mysql-5.0.22-win32
jdk-6u1-windows-i586-p.exe
อย่าลืมกำหนด Path ต่างๆ ให้ จาวาสามารถทำงานได้นะครับ
ตัวอย่างตามนี้
---------------------------------------------------------
CLASSPATH = .
JAVA_HOME = C:\Program Files\Java\jdk1.5.0_10
PATH = %PATH%;%JAVA_HOME%\bin
---------------------------------------------------------
ลงสี่โปรแกรมนี้ให้สามารถทำงานได้ก่อน แล้วจึงโหลด
windows-php-java-bridge_3.2.1_j2ee.zip
แล้วทำตามขั้นตอนดัีงนี้
นำไฟล์ JavaBridge.jar จาก
windows-php-java-bridge_3.2.1_j2ee.zip\WEB-INF\lib
วางไว้ที่ C:\PHP\ext
และนำไฟล์ java-x86-windows.dll จาก
windows-php-java-bridge_3.2.1_j2ee.zip\WEB-INF\cgi
ไปวางไว้ที่ C:\PHP\ext เช่นกัน แต่ให้ทำการเปลี่ยนชื่อ
ไฟล์ดังกล่าวเป็น php_java.dll
ขั้นตอนต่อไปนี้ ควรจะหยุดการทำงานของ Apache ไว้ก่อนนะครับ
แก้ไขไฟล์ php.ini ใน C:/php
ถ้ายังไม่มีก็เพิ่มเข้าไปตามตัวอย่างด้านล่าง
แต่ถ้ามีแล้วก็ให้แก้ไขให้เป็นค่าตามด้านล่างเช่นกัน
-------------------------------------------------------------
extension_dir = C:\php\ext
extension = php_java.dll
-------------------------------------------------------------
และในส่วนของ module setting ใน php.ini เพิ่มข้างล่างนี้เข้าไป
โดยปรับให้เหมาะสมกับเครื่องของคุณ นะครับ
------------------------------------------------------------------------------------
[java]
java.java_home = "C:\Program Files\Java\jdk1.6.0_01\bin"
java.java = "C:\Program Files\Java\jdk1.6.0_01\bin\javaw.exe"
java.class.path = "C:\php\ext\JavaBridge.jar"
;java.library="C:\Program Files\Java\jdk1.6.0_01\jre\bin\client\jvm.dll"
java.library.path="C:\php\ext\lib"
;java.hosts = "127.0.0.1:8080"
;java.servlet = on
java.log_level = 2
------------------------------------------------------------------------------------
สร้างไฟล์เพื่อทดลองการต่อจาวา ชื่อว่า java1.php () ภาษา PHP นะครับ
------------------------------------------------------------------------------------
// get instance of Java class java.lang.System in PHP
$system = new Java('java.lang.System');
// demonstrate property access
echo 'Java version=' . $system->getProperty('java.version') . '\n';
echo 'Java vendor=' . $system->getProperty('java.vendor') . '\n';
echo 'OS=' . $system->getProperty('os.name') . ' ' .
$system->getProperty('os.version') . ' on ' .
$system->getProperty('os.arch') . '\n';
// java.util.Date example
$formatter = new Java('java.text.SimpleDateFormat',
"EEEE, MMMM dd, yyyy 'at' h:mm:ss a zzzz");
echo $formatter->format(new Java('java.util.Date'));
----------------------------------------------------------------------------------
ทดลองรัน เพื่อแสดงผลลัพธ์ ถ้าทำตามที่กล่าวมาก็จะสามารถต่อได้
ข้อมูลเ้พิ่มเติม สืบค้นได้ที่
http://www.dsl.uow.edu.au/~sk33/php5java.htm
Aug 15, 2008
iReport opensource tools
หลายครั้งที่ผมติดปัญหาโดยที่สามารถค้นตามเว็บแล้วก็สามารถแก้ปัญหาได้
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เนื่องจากความรู้และประสบการณ์พื้นฐานของผมยังน้อยนิดนัก
หลายอย่างที่เป็นปัญหาเหมือนเส้นผมบังภูเขา ก็พบเจออยู่บ่อยขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น เมื่อผมอยู่ในสถานะของผู้เผยแผ่ความรู้ ผมจึงเขียนบทความเป็นเรื่องๆ
เพื่อให้ชัดเจน และง่ายต่อการติดตาม
เคยบอกกับน้องๆ หลายคนว่า
"การเขียนโปรแกรมเหมือนเกม จิ๊กซอ มันต้องค่อยๆ ประกอบกัน
จนเป็นงานที่สมบูรณ์ได้ในที่สุด ซึ่้งความรู้ก็เช่นกัน
เมื่อเรารู้ว่ามีความรู้อะไรใกล้เคียงกันบ้าง เราก็สามารถต่อกันติดได้ง่าย"
iReport เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ opensource โดยเป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการรายงาน
ตัวโปรแกรม iReport นั้นพัฒนาบน Platform Java ซึ่งหากจะนำมาใช้ก็ต้องติดตั้ง Java
ความสามารถหลักๆ คือ
1. ออกแบบรูปแบบรายงานได้
2. ดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลมาใช้ในรายงานได้
3. ทำกราฟ และคำนวณข้อมูลในรายงานได้
4. นำข้อมูลออกเป็นไฟล์ประเภทต่างๆ เช่น PDF, XLS ฯลฯ
5. ไฟล์ที่ถูกสร้างและใช้ออกแบบจะเป็นลักษณะเอกสาร XML มีนามสกุลว่า *.jrxml
6. เมื่อถูก Compile ข้อมูลที่ดึงมาและการออกแบบจะถูกเก็บลักษณะ *.jasper
7. อื่นๆ
การออกแบบและการใช้งานเบื้องต้นนั้น สามารถตามลิงค์ข้างล่างนี้เพื่อไปศึกษาได้
http://www.cise.ufl.edu/~otopsaka/CIS4301/ReportDemo/PrepareAReport.html
ทดลองออกแบบ และ Download มาใช้ ที่ลิงค์
http://www.jaspersoft.com/ir_opensource_download.html
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เนื่องจากความรู้และประสบการณ์พื้นฐานของผมยังน้อยนิดนัก
หลายอย่างที่เป็นปัญหาเหมือนเส้นผมบังภูเขา ก็พบเจออยู่บ่อยขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น เมื่อผมอยู่ในสถานะของผู้เผยแผ่ความรู้ ผมจึงเขียนบทความเป็นเรื่องๆ
เพื่อให้ชัดเจน และง่ายต่อการติดตาม
เคยบอกกับน้องๆ หลายคนว่า
"การเขียนโปรแกรมเหมือนเกม จิ๊กซอ มันต้องค่อยๆ ประกอบกัน
จนเป็นงานที่สมบูรณ์ได้ในที่สุด ซึ่้งความรู้ก็เช่นกัน
เมื่อเรารู้ว่ามีความรู้อะไรใกล้เคียงกันบ้าง เราก็สามารถต่อกันติดได้ง่าย"
iReport เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ opensource โดยเป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการรายงาน
ตัวโปรแกรม iReport นั้นพัฒนาบน Platform Java ซึ่งหากจะนำมาใช้ก็ต้องติดตั้ง Java
ความสามารถหลักๆ คือ
1. ออกแบบรูปแบบรายงานได้
2. ดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลมาใช้ในรายงานได้
3. ทำกราฟ และคำนวณข้อมูลในรายงานได้
4. นำข้อมูลออกเป็นไฟล์ประเภทต่างๆ เช่น PDF, XLS ฯลฯ
5. ไฟล์ที่ถูกสร้างและใช้ออกแบบจะเป็นลักษณะเอกสาร XML มีนามสกุลว่า *.jrxml
6. เมื่อถูก Compile ข้อมูลที่ดึงมาและการออกแบบจะถูกเก็บลักษณะ *.jasper
7. อื่นๆ
การออกแบบและการใช้งานเบื้องต้นนั้น สามารถตามลิงค์ข้างล่างนี้เพื่อไปศึกษาได้
http://www.cise.ufl.edu/~otopsaka/CIS4301/ReportDemo/PrepareAReport.html
ทดลองออกแบบ และ Download มาใช้ ที่ลิงค์
http://www.jaspersoft.com/ir_opensource_download.html
Labels:
iReport,
JasperReport,
Java,
Open Source,
PHP,
Report,
Tools
Aug 13, 2008
Tip edit plus for programmer
Edit plus เป็นเครื่องมือที่ โปรแกรมเมอร์หลายๆ คนใช้ในการเขียนโปรแกรม
ผมเองก็เช่นกันก็ชอบที่จะทำงานโดยที่ใช้เครื่องมืออย่าง Edit plus
เนื่องจาก เวลาเขียนโค๊ดนั้น จะมีการแบ่งสีสัน ที่ชัดเจน
ทำให้มองเห็นความแตกต่างของโค๊ดได้ง่าย
และเนื่องจากเป็นโปรแกรมที่มีขนาดเล็ก จึงสามารถย่อขยายหน้าต่างสลับไปมา
ระหว่างช่วงที่เรา ดูการออกแบบ (Design) และแก้โค๊ด (Coding)
ทั้งนี้ โปรแกรม Edit plus มีลักษณะคล้ายคลึงกับ Notepad ของ Microsoft Windows
แต่ความสามารถต่างกันลิบลับเลยทีเดียว
Edit plus สามารถทำงานได้หลายๆ ไฟล์พร้อมกัน โดยที่สามารถกำหนดได้ว่า
จะให้มีการ Backup File ไว้ ด้วยหรือไม่ มีความยืดหยุ่นเรื่องของการกำหนด
นามสกุลของไฟล์ (File Type) และกำหนดพื้นที่เก็บไฟล์ Backup ได้ด้วย
สำหรับวิธีการ Config Edit plus for java นั้นมีผู้เขียนไว้แล้วมากมาย
ฉะนั้นผมของนำลิงค์ที่น่าสนใจ มาวางไว้ให้ไป อ่านต่อกันเอาเองตามข้างล่างนี้
http://enum.exteen.com/20070614/editplus-to-compile-java
และวิธีการ Config Edit plus for C++ ก็ตามข้างล่างนี้เช่นกัน
http://www.thaicyberpoint.com/ford/blog/id/156/
ต่อมาก็จะเป็นการแนะนำ เทคนิค เล็กๆ น้อยๆ นะครับ
ตัว Edit plus เท่าที่ผมได้ทดลองใช้มา เกือบจะสี่ปีแล้ว
จึงได้เทคนิคหลายๆ อย่างเพิ่มเข้ามา ซึ่งมันเป็นความสามารถที่มีอยู่แล้ว
เพียงแต่ผู้คนส่วนใหญ่นั้นยังไม่ได้ลองเล่นดูเท่านั้นเอง
1. กำหนดให้ เมื่อ คลิกขวา view source code ที่ Internet Explorer
จะไปแก้ที่ Edit plus แทนที่จะเป็น Notepad
ให้ทำการ เปิด Edit plus เลือก Tools => Preferences
มองด้านซ้ายมือที่กล่อง Categories => General
มองด้านขวา ติ๊กถูกที่กล่องหน้าข้อความ Use Editplus in Internet Explorer
คลิก OK
2. ค้นคำได้อย่างรวดเร็วด้วยการกด คีย์ลัด F3 (ค้นคำเดิม) หรือ Alt+F3 (ค้นคำใหม่)
3. ตรวจสอบอักขระพิเศษได้ด้วยการใช้ คีย์ลัด Alt+Shift+1 และปิดก็กดซ้ำอีกครั้ง
4. ดูหมายเลขบรรทัด ใช้คีย์ลัด Ctrl+Shift+L
5. ดูขอบเขตวงเล็บและปีกกา (Scope) คลิกที่ View => Matching Brace
6. ดูแท็บและช่องว่างระหว่างข้อความ ใช้คีย์ลัด Alt+Shift+i
7. การตัดคำไม่ให้กว้างเกินหนึ่งหน้าจอ ใช้คีย์ลัด Ctrl+Shift+W
ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ดู แล้วจะรู้สึกได้เองว่าเขียนโปรแกรมได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก...
ผมเองก็เช่นกันก็ชอบที่จะทำงานโดยที่ใช้เครื่องมืออย่าง Edit plus
เนื่องจาก เวลาเขียนโค๊ดนั้น จะมีการแบ่งสีสัน ที่ชัดเจน
ทำให้มองเห็นความแตกต่างของโค๊ดได้ง่าย
และเนื่องจากเป็นโปรแกรมที่มีขนาดเล็ก จึงสามารถย่อขยายหน้าต่างสลับไปมา
ระหว่างช่วงที่เรา ดูการออกแบบ (Design) และแก้โค๊ด (Coding)
ทั้งนี้ โปรแกรม Edit plus มีลักษณะคล้ายคลึงกับ Notepad ของ Microsoft Windows
แต่ความสามารถต่างกันลิบลับเลยทีเดียว
Edit plus สามารถทำงานได้หลายๆ ไฟล์พร้อมกัน โดยที่สามารถกำหนดได้ว่า
จะให้มีการ Backup File ไว้ ด้วยหรือไม่ มีความยืดหยุ่นเรื่องของการกำหนด
นามสกุลของไฟล์ (File Type) และกำหนดพื้นที่เก็บไฟล์ Backup ได้ด้วย
สำหรับวิธีการ Config Edit plus for java นั้นมีผู้เขียนไว้แล้วมากมาย
ฉะนั้นผมของนำลิงค์ที่น่าสนใจ มาวางไว้ให้ไป อ่านต่อกันเอาเองตามข้างล่างนี้
http://enum.exteen.com/20070614/editplus-to-compile-java
และวิธีการ Config Edit plus for C++ ก็ตามข้างล่างนี้เช่นกัน
http://www.thaicyberpoint.com/ford/blog/id/156/
ต่อมาก็จะเป็นการแนะนำ เทคนิค เล็กๆ น้อยๆ นะครับ
ตัว Edit plus เท่าที่ผมได้ทดลองใช้มา เกือบจะสี่ปีแล้ว
จึงได้เทคนิคหลายๆ อย่างเพิ่มเข้ามา ซึ่งมันเป็นความสามารถที่มีอยู่แล้ว
เพียงแต่ผู้คนส่วนใหญ่นั้นยังไม่ได้ลองเล่นดูเท่านั้นเอง
1. กำหนดให้ เมื่อ คลิกขวา view source code ที่ Internet Explorer
จะไปแก้ที่ Edit plus แทนที่จะเป็น Notepad
ให้ทำการ เปิด Edit plus เลือก Tools => Preferences
มองด้านซ้ายมือที่กล่อง Categories => General
มองด้านขวา ติ๊กถูกที่กล่องหน้าข้อความ Use Editplus in Internet Explorer
คลิก OK
2. ค้นคำได้อย่างรวดเร็วด้วยการกด คีย์ลัด F3 (ค้นคำเดิม) หรือ Alt+F3 (ค้นคำใหม่)
3. ตรวจสอบอักขระพิเศษได้ด้วยการใช้ คีย์ลัด Alt+Shift+1 และปิดก็กดซ้ำอีกครั้ง
4. ดูหมายเลขบรรทัด ใช้คีย์ลัด Ctrl+Shift+L
5. ดูขอบเขตวงเล็บและปีกกา (Scope) คลิกที่ View => Matching Brace
6. ดูแท็บและช่องว่างระหว่างข้อความ ใช้คีย์ลัด Alt+Shift+i
7. การตัดคำไม่ให้กว้างเกินหนึ่งหน้าจอ ใช้คีย์ลัด Ctrl+Shift+W
ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ดู แล้วจะรู้สึกได้เองว่าเขียนโปรแกรมได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก...
Subscribe to:
Posts (Atom)
Blog Comment
บทความที่ได้รับความนิยม
-
ราวสองปีก่อนผมและเพื่อนมีโอกาสเช่ารถมอเตอร์ไซค์เที่ยวที่อยุธยา ช่วงนั้นทุกอย่างยังดูดีและยังไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งถ้าต้องการดูก็หาจา...
-
เนื่องจากมีการคำนวณบางอย่างที่มีทศนิยมหลายตำแหน่ง ซึ่งการทำงานรายงาน หรือทำเว็บหรือโปรแกรมที่เกี่ยวข้องนั้น จำเป็นต้องศึกษา เรื่องของข้อมูลท...
-
วิธีการในเบื้องต้น ต้องทราบก่อนนะครับว่าระบบเราเป็นอย่างไร ของผมนั้น เป็น Huawei SmartAX MT880 จาก TT&T อยากให้กำหนดไว้ตามนี้นะครับ จากร...
-
งานว่าง ว่างงาน ได้เวลาของการ อัพเดต Blog ทริป เชียงคาน เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับการตามหา นาธาน แต่อย่างใด แต่เกิดจากกระแส เสียงลือ เสียงเล่าอ...
-
ปัญหาที่ผมพบคือ Lenovo U460 ที่ผมพึ่งซื้อมาและลง Win7 มีอาการลดความสว่างของหน้าจอลงเอง ทำเอาผมรำคาญมาก คิดว่าหลายคนก็คงเคยพบปัญหานี้ ปัญหานี...
-
ก่อนจะไปยังส่วนอื่น ขอแนะนำสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่รู้จัก Thunderbird Thunderbird เป็นโปรแกรมที่ใช้งานเกี่ยวกับการรับ E-mail ที่อยู่ใน Mail Se...
-
โดยปกติ ถ้าเราต้องการติดตั้งให้ มี Server ที่สามารถใช้รันภาษา PHP บนเครื่องได้ โดยทั่วไปนั้น สามารถใช้ Appserv ซึ่งเป็นโปรแกรมสำเร็จรูป เมื่...
-
เป็นครั้งแรกสำหรับผมที่จะมาเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยว ในมุมมองของตัวเอง มีอะไรอยากแนะนำก็ได้เช่นเคย comment กันได้ที่ด้านล่าง ทริป เกาะช...
-
ทริปนี้ ออกเดินทางเมื่อ 2012/09/08 โดยรถส่วนตัว มีเพื่อนร่วมทริป ราวๆ แปดคนได้ เราออกเดินทางกันจริงๆ ราวๆ 10.00 AM บึ่งไปเรื่อยๆ ราวๆ สี...
-
ใครบ้างที่ไม่รู้จัก Microsoft SQL SERVER 2005 อ่ะนั่นแน่ ก็คงต้องมีมั่งล่ะเนาะ ผมเองก็เคยเป็นคนไม่รู้จัก อีกเช่นกัน เพราะไปวิ่งเล่น พัฒนาโดย...