Apr 29, 2012

พักกายที่เกาะล้าน และเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี

ทิ้งช่วงในการเขียน Blog มาพักใหญ่ เนื่องด้วยช่วงที่ผ่านมา เที่ยวแทบทุกสิบห้าวัน

วันนี้ขอหยิบทริป ที่เกาะล้าน และเกาะสีชัง เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2011 มาฝากกัน




เริ่มเดินทางด้วยรถส่วนตัวจากกรุงเทพ ตั้งแต่หกโมงเช้า 

กว่าจะถึงจังหวัดชลบุรีราวๆ จวนเจียนจะเที่ยง




และจากฝั่งศรีราชาไปยังเกาะสีชัง 

เราจำเป็นต้องซื้อตั๋วเพื่อขึ้นเรือไปยังเกาะสีชัง

จึงถือโอกาสนี้ไหว้พระ เก็บภาพแถวท่าเรือเล็กน้อย




ตามทริปที่ไปกัน เป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะกับการท่องเที่ยวนักเพราะเริ่มมีมรสุมเข้ามาบ้าง

แต่ดูท้องฟ้าแล้วก็ให้กำลังใจคนในกลุ่มว่า วันนี้อาจจะเป็นโชคดีของเราก็ได้




เรือออกจากฝั่ง มุ่งตรงไปยังเกาะสีชัง ระยะทางราว 12 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงกว่า




ทันทีที่ขึ้นเกาะสีชัง พวกเราก็ล้างหน้าล้างตา หาข้าวทาน

แล้วเหมารถสามล้อให้ช่วยพาพวกเราเที่ยวรอบเกาะ




จุดหมายแรกคือเจ้าพ่อเขาใหญ่

สิ่งที่ผมพบเห็นแล้วรู้สึกแย่คือ การรอเรี่ยไรเงิน ในทุกก้าวที่ย่างเข้าไป




วิวจากด้านบน ที่มองลงไป เต็มไปด้วยจุดพักเรือ เรียงรายกันทั่วทะเล 

ที่นี่เป็นจุดพักเรือขนสินค้า จึงไม่น่าแปลกอะไรที่จะเต็มท้องน้ำขนาดนี้

ส่วนด้านล่างซ้าย ตรงจุดนั้นเป็นที่ๆ เราเทียบเรือ




แพลนกล้องไปด้านซ้ายมือ สิ่งที่พอเจอก็คือเป็น เรือสินค้าจำนวนมาก




แดดแยงตา อาการแพ้แสง รุนแรงจนต้องหลบมาด้านใน

ก็จะพบจุดที่ไว้เขียนคำอธิษฐาน และขอพรแปะไว้ในถ่ำ

ใบสีแดงๆ นั้นแหล่ะครับ เรียงรายกันยาวหนาแน่นเลย




เดินต่อขึ้นมาอีกซักหน่อย น่าจะเป็นบริเวณจุดยอดสุดของเกาะสีชังแล้วล่ะครับ

บันได ที่พาเราขึ้นไปนี่ก็ใช้เวลาเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันเหนื่อยหรอกครับ

คุ้มกับการเดินขึ้นอยู่แหล่ะ




จุดถัดไปที่รถสามล้อนำเรามาส่งคือ บริเวณจุดชมวิว สะพานวชิราวุธ






ฟ้าครึ้มๆ ทำให้ภาพที่ออกมาไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่ แต่วิวโดยรวมก็แปลกตาดี




เรามุ่งหน้ามาอีกที่ คือเขตพระราชฐานเก่า

จ้างน้องนักเรียนคนนึง เป็นไกด์แนะนำสถานที่ภายใน




พระอุโบสถเจดีย์




จุดที่ดึงความสนใจเราได้จริงๆ ไม่ค่อยมีมากนัก 

เพราะตอนนี้เริ่มหมดแรง และอยากโดดน้ำทะเลเต็มที




ยังคงอยู่ภายในเขตพระราชฐานเก่า




มีจุดบริการ กาแฟ ข้าวปลา อาหาร เล็กๆ 




สะพานอัษฏาวงศ์ จุดที่ใครๆ ก็มักจะเก็บภาพไว้




ถ่ายติดคนตลอดเลย เพราะเป็นเหมือน check point ของที่นี่

หมดแรงแล้วสำหรับเกาะสีชัง เดินทางกลับเข้าฝั่ง และมั่งตรงไปยัง ท่าเรือที่พัทยา




ประมาณเวลาสักหกโมงเย็น

ถึงท่าเรือพัทยา ทานข้าวกันนิดหน่อย และขึ้นเรือไปยังเกาะล้าน




เป็นการขึ้นเรือในช่วงที่ลมฟ้าอากาศ เริ่มไม่สู้ดี คลื่นปะทะลำเรือน่ากลัว

ลมที่พัดต้านเรือเข้ามา ทำเอาคนตัวเล็กๆ อย่างผมจวนเจียนจะปลิวตกทะเล

แต่ก็ไม่วายขอเก็บภาพอาทิตย์ตกดินสวยๆ บนเรือมาฝาก




ใช้เวลาราวๆ ชั่วโมงครึ่งจึงจะถึงทั้งที่ปกติแค่ครึ่งชั่วโมง 

แต่คงเพราะคลื่นทะเลแรงนี่แหล่ะครับเลยล่าช้า

ถึงเกาะพี่ๆ ที่บ้านพัก ก็นำรถมอเตอร์ไซต์มารับ

อาบน้ำอาบท่า คราวนี้ก็ได้เวลาจัดการกับอาหารทะเลที่เตรียมมาจากฝั่ง

ด้วยเพราะรู้ดีว่าการซื้ออาหารทะเลบนเกาะ เป็นเรื่องที่เจ็บตัวมาก (แพง)




ที่นี่ค่อนข้างดี มีทั้งถ่านทั้งเตาให้บริการ น่ารักมาก




หั่นๆ ปิ้งๆ ย่างๆ ริมทะเล นี่แหล่ะ ใช่เลย




เต็มโต๊ะกินกันพุงป่อง อิ่มแล้วก็ร้องรำทำเพลงกันตามเรื่อง




รุ่งเช้า ฟ้าไม่เป็นใจ (อีกแล้ว) มืดครึ้มและมีฝนโปรยเล็กน้อย




เราตะลอนไปตามหาดต่างๆ โดยให้ทางที่พักจัดหามอเตอร์ไซต์ให้

จนมาเจอมรสุมเข้าจังๆ ที่หาดนี้ ความสวยงามที่เราคาดหวังก็หายวับไปทันที




บรรยากาศเริ่มกร่อยๆ แต่เรายังแว้น กันต่อไปยังจุดชมวิวบนเกาะล้าน

ที่เห็นไกลๆ นั่นเป็นใบพัด ที่รับลมเพื่อปั่นกระแสไฟให้กับบ้านเรือนบนเกาะ




ลมแรงจริงๆ สังเกตจากแนวต้นไม้ก็น่าจะเดาได้ไม่ยาก

เวลาล่วงเลยจวนเจียนจะเที่ยง เราก็เดินทางกลับ

ทริปนี้อดลงเล่นน้ำ หรือได้ภาพวิวสวยๆ อย่างที่ต้องการ

แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องมาแก้มืออย่างแน่นอน

Apr 15, 2012

เกาะกูดสามวันสองคืน (รอบสอง)

ในช่วงวันที่ 8 - 10 เมษายน 2555 ผมได้มีโอกาสไปเยือน เกาะกูด อีกครั้ง

การเดินทางครั้งนี้ ตั้งใจไปถ่ายรูปเป็นหลัก เพราะรอบก่อนเจอมรสุมพอดี




ผมซื้อตั๋วรถทัวร์ ออกเดินทางคืนวันที่ 7 เมษายน 2555 รอบดึกสุดคือ 23:30 น.




ชานชลา ที่จะขึ้นคือ 15 - 17 ท่ารถไป จังหวัดตราด




เราเดินทางใช้เวลาเพียงสี่ชั่วโมงก็ถึง บขส. ตราด (เร็วมาก)

ทางคุณเจี๊ยบ จาก อ่าวน้อยรีสอร์ท ก็ขับรถมารับเราเพื่อไปยังห้องรับรองของทางรีสอร์ท

ซึ่งก็จะอยู่ที่ โรงน้ำแข็งวรการ เป็นที่เดียวกันกับที่ทางรีสอร์ทให้ผู้มาพัก

สภาพห้องพักก็เป็นสำนักงานของทางอ่าวน้อยรีสอร์ท

ณ ตอนนั้นยังคิดอยู่เลยว่าถ้าไม่ได้ซื้อแพคเกต คงต้องนอนรอที่ บขส. จนเช้า

สมองอื้ออึง ง่วงนอนกันมาก จึงจับจองโซฟา และหลับกันไปอย่างง่ายดาย

เพราะต้องเก็บแรงก่อนที่จะออกเดินทางโดยเรือในช่วงเช้า




7.30 น. ทางรีสอร์ท ก็มาเคาะประตู ปลุกเราเพื่อไปทานข้าว

ทางรีสอร์ท บริการค่อนข้างดี คือมีกาแฟ, โอวัลติน กับน้ำอุ่นๆ ไว้บริการตลอด

ห้องน้ำ ก็มีพร้อม แต่ติดว่ามันเก่าและแมลงเยอะไปหน่อย

ซึ่งมารู้ทีหลังว่า เราได้พักห้องรับรองซึ่งเป็นสำนักงานเก่า

เพราะมีอีกกลุ่มพักที่สำนักงานใหม่ไปก่อนหน้านี้ (มาถึงก่อน)




เอาล่ะ ผมไม่ติดใจอะไรนักกับเรื่องห้องรับรอง

ล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ออกมาด้านนอก แหงนมองดูท้องฟ้าวันนี้สดใส

ใจเริ่มชื้นขึ้นมาคาดว่าจะไม่พบมรสุมอย่างเคย




โรงน้ำแข็ง วรการ อยู่ติดกับท่าเรือ และเรือประมงก็สามารถเทียบท่าอยู่แถวๆ นั้น

วันก่อนกลับผมเห็นเขาได้ปลาหมึกมาหลายสิบตัว คงเน้นจับปลาหมึกกันเป็นหลัก




แบกสัมภาระขึ้นรถตู้คันเล็กของคุณเจี๊ยบ ซึ่งได้เตรียมเอาไว้พาเราไปทานข้าว




ข้าวหน้าทะเล กับข้าวมันไก่ สั่งกันคนล่ะจาน (จ่ายเอง)

ทานข้าวกันเร่งรีบนิดหน่อย เพราะมีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มจะไปขึ้นเรือพร้อมกัน




รถตู้ที่คอยรับส่งเราครับ




ทางคุณเจี๊ยบมาส่งเราที่ท่าเรือ "ด่านเก่า" ประมาณ 8.30 น.




ก่อนหน้านั้น มีเรือกำลังเติมน้ำมัน ผมก็พึ่งจะเคยเห็นนี่แหล่ะถ่ายเก็บไว้ซะเลย




เวลาล่วงเลยไป ถ่ายรูปเล่นไปพลางๆ กว่าจะได้ขึ้นเรือจริงๆ ก็ประมาณ 10.30 น.




รับน้ำดื่มจากทางลุงเจีียบ ไว้สำหรับดื่มบนเรือ




11.40 น. โดยประมาณ ก็ถึงท่าเรือที่ อ่าวน้อยรีสอร์ท บนเกาะกูด




บรรยากาศหลังจากได้ก้าวขึ้นไปบนเกาะ

จะเห็นพื้นน้ำสีเขียวใสแจ๋วราวกับนั่งมองดูสระว่ายน้ำขนาดใหญ่

ลมทะเลเย็นๆ ละมุนละมัย กระทบกาย กลิ่นทะเล เสียงคลื่น เริ่มชัดเจน

มันคล้ายความรู้สึกแรกพบครั้งแรกเมื่อปีก่อน




ผมเองต้องมนต์สะกด ณ นาทีนั้น

อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นใครก็คงปฏิเสธความงามตรงหน้าไม่ได้




สะพานทอดยาวจากท่าเรือไปจนถึงรีสอร์ท

ระหว่างนั้นพนักงานที่รีสอร์ทก็มารับสัมภาระของเรา

และแจกจ่ายน้ำมะพร้าวหอมให้กับผู้มาเยือนอย่างเรา

หอมหวาน ชื่นใจครับ




เข้าที่พัก "ห้องพัก H17" นั่งฟังเสียงคลื่น พักผ่อนตามอัธยาศัย

ผมเองก็นอนแผ่สองสลึง สบายใจเฉิบ รู้สึกดีที่รอบนี้ไม่เมาเรือ




12.00 น. ทานข้าวเที่ยงกันแบบจัดเต็ม

อาหารทะเล มีให้ทานกัน อิ่มหนำสำราญ

ที่สำคัญอร่อยมาก




13.00 น. ขึ้นรถสองแถวที่ทางรีสอร์ทเหมาไว้ ให้พาไป น้ำตกคลองเจ้า

รถสองแถวจะจอดให้เราลงและเดินต่อจากจุดนั้นเข้าไปยังน้ำตก




ระยะทางไม่ไกลมาก ประมาณสามร้อยเมตร










บริเวณน้ำตก




ขากลับเราเหมารถสองแถวต่อไปยัง อ่าววสลัด

ที่นี่มีปลาเค็มขาย มีปลาในกระชังให้ดู










เดินไปเล็กน้อยเพื่อจะไปไหว้พระ




15:00 น. เริ่มเหนื่อยก็กลับมาทานอาหารว่างของทางรีสอร์ท




หลังทานอาหารว่างเสร็จก็กลับมายังที่พัก

ได้กีตาร์ที่นำมาด้วยเล่นเพลินๆ








ได้เวลาจนจวนเจียนพระอาทิตย์จะลับฟ้า

เราจึงเดินถ่ายรูปริมหาด




19.00 น. มื้อดึกก็มาเยือน

กุ้ง หอย ปลาหมึก ปลา มีผลัดเปลี่ยนให้ได้ทานกันตลอด

กลับมาก็เดินเล่นริมหาดนิดหน่อย แล้วก็เข้านอน

หมดไปสำหรับคืนแรก




8.00 น. เช้าวันที่่ 9 ซึ่งเป็นวันที่สองของทริปนี้








อากาศยังคงดี ฟ้าใส ทะเลสวย คลื่นลมสงบ





10.00 น. เรือเร็วพาเราไปดำน้ำ สามเกาะ

คือเกาะยักษ์ใหญ่ เกาะยักษ์เล็ก เกาะรัง








ทุกคนดูสนุกกับกิจกรรมนี้






12.00 น. ทานข้าวเที่ยงกันที่หาดศาลเจ้า บนเกาะรัง




เต็มอิ่ม สดชื่น สบายท้องกันเลย

หากช่วงนี้ใครปวดหนักขึ้นมา ยังไงก็ขอให้อดใจไว้ปลดทุกข์กันที่รีสอร์ทจะดีกว่า

แม้ว่าบนเกาะรัง จะมีห้องน้ำบริการก็ตาม แต่... มันก็อาจจะเป็นภาพติดตาได้

ถ้าหากส้วมเกิดเต็มขึ้นมา เหมือนรอบที่ผมพึ่งไปมา

เกาะรังเป็นเกาะสำหรับพักทานข้าวเท่านั้น และไม่มีที่พักใดๆ อยู่บนเกาะ






14:00 น. ทานกันเสร็จก็กลับเข้าฝั่ง

กิจกรรมบนเกาะตามแผนก็หมดไปแล้ว

ตอนนี้ใช้เวลาเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัยจริงๆ








เดินถ่ายรูปริมหาดเช่นเคย








คลื่นลมสงบ เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบาลงอย่างชัดเจน




แสงสุดท้ายที่จะได้เห็นสำหรับทริปนี้ก็มาเยือน




นักท่องเที่ยวเริ่มทะยอยกลับ




มีเพียงคู่รักบางคู่เท่านั้นที่ซึมซับบรรยากาศอยู่




มื้อดึกวันนี้ ยังคงสร้างความประทับใจให้เราเช่นเคย

อิ่มอร่อย พุงป่อง ตลอดทริป




ลาก่อน เกาะกูด

คงมีโอกาสได้มาเยือนอีกครั้งเมื่อเวลาเหมาะ

Blog Comment

บทความที่ได้รับความนิยม