Jan 7, 2011

เชียงคาน จังหวัดเลย สองวันหนึ่งคืน

งานว่าง ว่างงาน ได้เวลาของการ อัพเดต Blog
ทริป เชียงคาน เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับการตามหา นาธาน แต่อย่างใด
แต่เกิดจากกระแส เสียงลือ เสียงเล่าอ้างว่า ที่นี่
ค่อนข้างจะสงบ และพบความเป็นธรรมชาติ
กว่าสถานที่แห่งอื่นๆ

เพราะงั้นผมกับเพื่อนๆ จึงเช่ารถตู้และออกเดินทางไปกัน
เราออกเดินทางกันคืนวันที่ ศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2553
และเดินทางกลับวันที่ อาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2553


วันแรก

เรานัดแนะกันว่าจะไปรวมกันที่ห้องผม
และจะออกเดินทางช่วงตีสามของเช้าวันเสาร์
การรวมตัวกันในคืนนั้น ทำเอาเพื่อนแต่ล่ะคนไม่ได้นอน
เพราะมัวแต่คุยกัน จนถึงเวลารถตู้มารับ

เราออกจากที่ กรุงเทพฯ ในเวลาราวๆ ตีสามครึ่ง
โดยมีสมาชิกทั้งหมดรวมคนขับด้วยก็แปดคน
ระหว่างทางก็ดูหนังบนรถเพลินๆ ไป (ข้อดีของการไปรถตู้)

บรรยากาศบนรถค่อนข้างเฮฮาในช่วงแรก
เหมือนจับเด็กสองขวบไว้ด้วยกัน หยอกกันเสียงดังลั่น
หนังเล่นไปได้กลางเรื่อง ก็พลอยหลับกันหมด

พอตื่นมาอีกที พบว่าคนขับไม่รู้เส้นทางซะงั้น พาขับอ้อมอีก
เพื่อนคนนึงจึงหาแผนที่มากางๆ และวางแผนกันใหม่
ส่วนผมน่ะเหรอ... เรื่องเส้นทางไม่ค่อยสันทัด
ขอแกล้งหลับต่อดีกว่า zzzZZZ

เราถึงที่พัก "โขงอิงคาน" เกือบจะเที่ยง
ท้องไส้เริ่มปั่นป่วน เพราะยังไม่ได้ทานอะไรกันตั้งแต่เช้า
อากาศที่นี่เริ่มเย็นๆ ขึ้นมา หรือเพราะแอร์รถตู้เย็นก็ไม่ทราบเหมือนกัน



บรรยากาศของ Guest House ที่ โขงอิงคาน
ค่อนข้างสบาย เพราะด้านหลังติดชายโขงพอดี
หลังจากเราจัดการเรื่องห้องกันเรียบร้อย
ก็เช่าจักรยาน ปั่นดูบรรยากาศของเชียงคาน
โดยรวมๆ ไม่ค่อยมีอะไรมาก นักท่องเที่ยวไม่มากนัก



พวกเราแวะทานข้าวกันที่ร้านอาหารริมโขง



อาการหิวข้าว ของพวกเราถูกกำจัดลง หลังจากอาหารอยู่เบื้องหน้า



ในขณะที่รออาหารมาครบ ผมก็เดินดูบรรยากาศซักหน่อย



ถ้าเป็นที่กรุงเทพ ดอกไม้สวยๆ แบบนี้
คงถูกเด็ดออกไปเชยชม จนคนอย่างผมอดดูแล้วล่ะ



นี่เพื่อนสนิทผม



ดอกไม้สวยๆ งดงามอยู่ริมฝั่งโขง



ขึ้นรูปเพื่อนอีกภาพ แดดเปรี้ยงๆ แต่ไม่ได้ร้อนนัก



ลงมือทานกัน อาหารมาครบแล้ว



ทานกันเสร็จก็เก็บบรรยากาศ ริมโขงไว้ซะหน่อย



จากนั้นก็ปั่นจักรยาน ถ่ายรูปวัดต่างๆ



ยังคงเป็น วัดศรีคุณเมืองอยู่



ผมเข้ามาไหว้พระด้านใน



ปั่นจักรยานตามเพื่อนมาต่อที่ วัดโพนชัย



ด้านหน้า



ภายในวัดมีที่เก็บเรือไว้ด้วย



ดูเงียบเหงา มากกว่าจะสงบนะผมว่า



สถานที่ไม่ต่างจากวัดแห่งอื่นมากนัก



ปั่นกันต่อไปวัดแห่งที่สามครับ



วัดนี้ติดถนนใหญ่



ด้านนอก



ด้านใน



มีพระองค์หนึ่งตั้งอยู่ด้านนอก



ปั่นต่อมาที่ วัดมหาธาตุ



เป็นวัดที่เก่าแก่มาก ถึงขั้นต้องทำรั้วกั้นเอาไว้
กันมารศาสนา มาตัดเศียรพระ ไป



ความเก่าแก่ ดูได้จากพื้น



ภาพวาดบนผนังยังคงมีให้เห็น ไม่ทราบเหมือนกันว่ากี่ปีมาแล้ว



เก่าแก่มากๆ



หลังคา



สวยงามครับ



ปิดท้ายด้วยวัดนี้



สร้างเมื่อ 2395 โน่น



ด้านในครับ



ใกล้ๆ วัดตะกี้ มีจุดที่น่าไปถ่ายรูป
ซึ่งติดริมโขงด้วย ได้ทั้งวิวโขง และภูเขา



ผมแอบมาถ่ายก่อนเพื่อนๆ สักพัก
น่านั่งเล่นมาก



บรรยากาศยามเย็น ตอนนี้บ่ายสองแล้ว



นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็มานั่งพัก และถ่ายรูปกันที่จุดนี้



ผมกับเพื่อนกลับไปที่พักอีกรอบ เพราะบางคนเริ่มหมดแรง
เพราะอยากพักจากเมื่อคืน



ช่วงบ่ายสามครึ่งได้มั้ง ผมยังไม่ทันง่วง
เพื่อนสนิทผมเลยชวนออกไปปั่นจักรยานต่อ เผื่อจะทันอาทิตย์ตกดิน
(ตอนนี้เสียดายเหมือนกัน น่าจะไปดูแก่งคุดคู้)
เราปั่นจักรยานไกลกว่าเดิมเยอะไปยังจุดที่ตะกี้ยังไม่ทันไป



แวะไปวัดที่เหลือด้วย แต่ไม่ทันไรก็เหนื่อย
เห็นแมวนอน อยู่เป็นกลุ่มเลยถ่ายไว้



และเราก็พบจุดสนใจใหม่ จึงหยุดการปั่นจักรยานเพียงเท่านี้
ร้านไอติม : )



ตอนนี้ประมาณ ห้าโมงเย็นแล้ว นกเดินทางกลับเข้ารัง



ผมเองครับ ซึ่งทานเสร็จก็กลับไปนั่งเล่นกีตาร์พักนึง



จากนั้นก็ออกเดินทางมาดูตลาดยามค่ำคืน พร้อมตามหามื้อค่ำ



ที่นี่คือถนนคนเดินเมืองเชียงคาน



ร้านสองผัวเมีย



ระหว่างทาง บ้านต่างๆ จัดพื้นที่ไว้ให้ถ่ายภาพ



เพื่อนที่ไปด้วยกัน จะพาท่านๆ ไปขึ้นคาน นะ



ร้านรักเลย



ภายในร้าน



ไอเดียดี



ร้านเฮือนน้อย



ร้านเฮือนก๋งเฮง



ร้านนี้เคยเป็นโรงฉายภาพยนต์เมื่ออดีต



บ้านอุ่นรัก



ร้านเลยคาน



เลยคาน อีกภาพ



บรรยากาศเหมือนคลองถม



ร้านลานลม



หน้าร้าน ลานลม



แสงสีส้ม ทำเอาตัวผม เปลี่ยนสีเลย



ร้านปู่-ย่า



ร้านไอเดียดีดี



ภายในร้าน



คนเยอะมาก



เฮือนร้อยปี



สะบายดี เชียงคาน



จำเลยรัก



ภายในร้าน



บ้านชานเคียง



"ไอ ดิน อิง โขง" ชอบประโยคนี้จัง



มีข้าวโพดคั่วขายด้วย



อันนี้อร่อยมาก แต่ไม่รู้จักชื่อ



คิดถึง ณ เชียงคาน



ชมรมใส่บาตรข้าวเหนียว นี่แหล่ะคนแก่ของหมู่บ้าน



ระวังคาน!



อีกภาพ



มื้อดึกริมโขงและเราก็ไปทานติมกันอีกรอบ
พร้อมกับนั่งดื่มนมกันแถวๆ นั้น
ก่อนกลับมานั่งคุยกัน ที่บ้านพัก
เล่าสารพัดเรื่องราวในชีวิต
แล้วก็หลับกันในเวลา ตีสองกว่าๆ
(อากาศเย็นมาก)


วันที่สอง


เราต้องเลือกระหว่าง ดูทะเลหมอก กับใส่บาตรข้าวเหนียว
จึงแยกกันเป็นสองฝ่าย แต่สุดท้ายก็ได้ไปทะเลหมอก
เพราะเช้ามา ที่บ้านไม่ได้เตรียมข้าวไว้ให้
เพราะพวกเราเองไม่ได้ยืนยันว่าจะใส่บาตร



ระหว่างทาง มีหลงนิดหน่อย และหมอกค่อนข้างหนา
ผม... นี่แหล่ะ พาหลง ก็บอกแล้วไม่เก่งเรื่องเส้นทาง



เราไปถึงขณะที่บางส่วนก็ทยอย กลับลงมาบ้างแล้ว



ขึ้นไป ก็แยกย้ายกันถ่าย



ตอนนี้ประมาณ เจ็ดโมงเช้า หมอกยังหนา อยู่เลย



ต้องยอมรับว่า เห็นทะเลหมอกเป็นครั้งแรกในชีวิต



จึงรัว ชัตเตอร์ยาวไปหลายสิบภาพ



ก็จะเป็นภาพอย่างที่ท่านๆ เห็นนี่แหล่ะครับ



บรรยากาศไม่เย็นเท่าไหร่ ผมนี่ไม่ได้สวมเสื้อกันหนาวนะ



ยอมรับว่า ที่บ้านพัก หนาวกว่า



ชมกันไปเรื่อยๆ



นี่แหล่ะ น๊า เค้าถึงเรียกว่าทะเลหมอก
เป็นทางยาว กอดภูเขาเลย



ผมถ่ายไปเยอะ ส่วนเพื่อนนี่หายไปไหนหมดเนี่ย



เจอแล้ว อยู่นี่เอง ถ่ายรวมกันเถอะ



ภาพนี้จากเพื่อนที่ไปด้วยกัน



ไม่เย็นๆ



ไม่เย็น จริง จริ๊ง



ถ่ายเล่นล่ะคราวนี้



วิว เดิมๆ



เพื่อนสาวสวย ของผม



เพิ่มแสงหน่อย



หนึ่งหนุ่ม ออกแนวเกาหลีๆ



ดูภาพกันใหญ่



กลับมาที่วิว



ก็บอกแล้ว เหมือนเด็กสองขวบ อยู่ด้วยกัน
หยอกกันเป็นเด็กๆ



นี่ด้วย



ชื่ออะไรหว่า อร่อยมาก



เส้นนุ่ม



กลับมาถึงบ้านพัก มีเรือลาว ล่องผ่านมาพอดี



นั่งเล่นสักพักก็ได้เวลากลับ จึงต้องหาอาหารเช้ารองท้อง



มื้อเช้า ขอทาน ไข่กะทะ ของขึ้นชื่อ เมืองเชียงคาน



จบทริป แล้วครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบ
ทิ้ง comment ไว้ถ้าชื่นชอบนะ ; )

No comments:

Post a Comment

Blog Comment

บทความที่ได้รับความนิยม