Dec 28, 2010

สวัสดีเมืองไทย สวัสดีกระบี่ สามวันสองคืน [วันที่หนึ่ง]

สามเดือนก่อนหน้าที่จะได้มากระบี่ พี่ๆ ที่ office เก่าที่ผมเคยทำงาน
ได้ชวนไปเที่ยวทะเล นั่นก็คือที่กระบี่นี่แหล่ะ
กระบี่เป็นอีกจังหวัดที่ผมยังไม่เคยมาเยือนเลย
ออกแนวตื่นเต้นหน่อยๆ แต่เนื่องจากแพลนยาวนานหลายเดือน
ทำให้พอถึงวันที่จะไปจริงๆ ความตื่นเต้นก็น้อยลงไปมากแล้ว

วันที่ออกเดินทางคือคืนวันที่ 22 ตุลาคม 2553
และจบทริปในวันที่ 25 ตุลาคม 2553

ทริปกระบี่ ไปกันโดยเช่ารถตู้ยิงตรงไปจากกรุงเทพถึงกระบี่เลย
มีสมาชิกในทริป รวมคนขับก็เก้าคน


วันที่หนึ่ง

เราถึงที่รีสอร์ท เกือบๆ เที่ยงแล้ว
เพราะคนขับไม่ชำนาญทางพาไปเส้นทางที่อ้อมกว่ามาก
แต่ไม่เป็นไร ผมคิดในใจแล้วล่ะว่าต้องประมาณนี้
หลังจากถึงที่พักก็ยังไม่สามารถเข้าห้องได้
คงต้องรอเคลียร์ห้องในช่วงเที่ยงก่อน
พวกเราจึงไปหาข้าวเช้าทานแถวๆ ริมหาดนพรัตน์


บริเวณหาดรพรัตน์



ป้ายหาดนพรัตน์



มื้อแรกครับ เพื่อนที่มา Comment รูปเขาบอกว่านี่คือ หอยชักตีน
เป็นของขึ้นชื่อเมืองกระบี่ ว่างั้น



เดิมๆ ข้าวผัด



ต้มยำกุ้ง



กุ้งอบวุ้นเส้น



ปูตัวใหญ่ๆ



หลังจากนั้นเราก็กลับมายังที่พักนั่งรอกันสักพัก ห้องยังเคลียร์ไม่เรียบร้อย
สุดท้ายเราจึงต้อง ออกไปต่อที่สระมรกต ใช้่เวลาเดินทางจากที่พัก
ประมาณชั่วโมงครึ่งได้



บริเวณด้านหน้า มีจุดแขวนสิ่งของไว้ให้เพื่อป้องกันการนำอาหารขึ้นไปทานกัน



แต่ระหว่างทางก็มีที่ทิ้งขยะไว้ให้บ้าง ผมเองก็นึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน
ว่าถ้าแบบนี้จะห้ามทำไม ตั้งแต่ทางขึ้น



ป้ายบอกจุดท่องเที่ยว



ถึงแล้วสระมรกต (อันที่จริง ห่างจากป้ายไม่ถึง 30 เมตร)



ป้ายสระมรกต



มีทั้งคนที่นั่งแช่รอบๆ สระมรกต และที่ลงไปว่ายเล่นในน้ำ
บริเวณนี้ค่อนข้างหนาแน่นครับ



เด็กๆ ก็สามารถลงไปเล่นได้ครับ สระมรกตลึกประมาณไหล่ผมพอดี



ด้านล่างของสระมรกต จะเป็นทางน้ำเล็กๆ ให้น้องๆ หนูๆ ได้เล่นกัน



ภาพนี้ถ่ายตรงสะพานข้ามไปยังสระน้ำผุดครับ



แรกๆ ลองแช่ขาลงไปในน้ำเฉยๆ และน้ำเย็นมากน่าเล่นสุดๆ



ลงมาแล้ว สังเกตดูน้ำนะ ยังกะสระว่ายน้ำแหน่ะ
พอเล่นได้สักพัก ผมก็แยกเดินต่อไปถ่ายรูปอีกจุด คือสระน้ำผุด



ป้ายสระน้ำผุด เดินมาไกลเหมือนกันครับ ประมาณ 500 เมตร



บริเวณน้ำค่อนข้างนิ่ง และมีน้ำผุดขึ้นมา นิดหน่อย ตรงกลางสระ



เนี่ยแหล่ะจุดที่มันผุด



ระหว่างทางกลับ ชอบทางที่เขาทำไว้ให้เลยถ่ายมาให้ชม



ป้ายแนะนำสาเหตุที่น้ำในสระเป็นเหมือนสีมรกต



ตรงนี้มีน้ำไหลมาจากด้านบนเล็กน้อย จากป้ายที่อ่าน
ถ้าเป็นอดีตน้ำจะไหลเยอะกว่านี้



ผมมาถึงสระมรกต ก็ไม่เห็นพี่ๆ แล้ว
มารู้ทีหลังว่ากลับลงไปแล้ว
แต่ในตอนนั้นคิดว่าเขาคงเดินอยู่แถวๆ นั้นแหล่ะ
จึงไม่ได้กังวลอะไร แล้วก็เดินสำรวจอีกทาง
ที่ขามาไม่ได้ใช้ทางนี้



จุดแรกที่พบ คือสระแก้ว



บริเวณนี้มีผมคนเดียวจึงเงียบมาก



นั่งเล่นอยู่ตรงนี้สักพัก



น้ำใสจริงๆ



กระโดดลงสะพาน กะจะถ่ายสายน้ำงามๆ ซะหน่อย
สภาพเลยเป็นแบบนี้ เพราะมีแต่โคลน



อยากได้ภาพนี้แหล่ะ



ตรงนี้มีทางให้เลือกสองทาง ไม่รู้ว่าไปทางไหนดี
ลองเสี่ยงไปทางซ้าย ก็ยาวสุดตาเหมือนกันนะ


น้ำนิ่งจนน่ากลัว คิดอยู่เหมือนกันถ้ามีตัวอะไร
โผล่มาจากน้ำจะวิ่งทันไหมเนี่ย



ท้่ายสุดเป็นทางตันครับ จนเลี้ยวกลับมาทางเดิมแล้วเลี้ยวขวาไป



ด้วยความซน เห็นต้นไม้ล้มพอจะเหยียบขึ้นไปถ่ายภาพได้
ก็เดินขึ้นไปนั่งแช่อยู่พักนึง



ปลายทางของต้นไม้ที่ล้ม



เดินต่อจนออกจากพื้นที่นั้นได้
ปรากฎว่า พี่ๆ เขาขึ้นไปตามหาครับ
มาเช็คดูอีกที จุดที่ผมเดินมานั้นไม่มีสัญญาณมือถือ
เลยโทรตามไม่ได้ งอนกันใหญ่เลย


อาหารจากทางรีสอร์ท



จานนี้อร่อย แต่เผ็ดตามแบบฉบับคนใต้



ผลไม้



ไข่เจียวฟูๆ



ต้มข่าไก่ มั้งนิ



ถึงห้องนอนแล้ว



ช้างชนกัน



ภายในห้องค่อนข้างโอเค มีแอร์ ทีวี ตามปกติ



ห้องน้ำ



ที่อาบน้ำ หวุดหวิดจะหัวฟาดอยู่เหมือนกัน



สระน้ำภายในรีสอร์ท ผมมาแช่อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง
แล้วก็ไปอาบน้ำ ต่อด้วยไปเดินตลาดริมหาดกระบี่


ถ้าไม่เห็นป้ายนี่ผมคงลืมไปแล้ว ว่ากระบี่ก็โดนสึนามิ กับเขาด้วย



ร้านค้ามีมากมาย แต่ก็ได้อารมณ์ประมาณคลองถมแถวบ้านแหล่ะครับ


จากนั้นก็กลับรีสอร์ทดื่มเบียร์ดื่มเหล้ากันตามสะดวก
แล้วมาตามต่อวันที่สองนะ วันที่สองนี่ลงทะเลแล้ว

1 comment:

  1. ไปกระบี่ต้องไปโดน "หอยชักตีน" เพราะมีที่เดียวในเมืองไทยค่ะ ^^

    ReplyDelete

Blog Comment

บทความที่ได้รับความนิยม