May 8, 2011

Three J Guest House กำแพงเพชร (2/2)

จากที่เขียนไปรอบที่แล้วมาต่อกับตอนจบ
หลังจากที่สลบเหมือดไปเพราะแอลกอฮอล์และอากาศดีๆ ของบ้านสวน
ผมก็ตื่นมาอีกทีในตอนตีห้าครึ่ง และรีบปลุกเพื่อนในกลุ่มให้ตื่นมารอดูพระอาทิตย์ขึ้น



แต่อย่างว่าแหล่ะครับ อากาศมันเย็นมาก น่านอนเป็นที่สุดใครจะลุกขึ้นมาล่ะ
ผมนั่งหาดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่เห็นแต่ดาวเหนือที่ส่องแสงอยู่ไกลๆ
ผมจัดแจงมุมดีๆ พร้อมกล้องส่วนตัวมาบันทึกภาพเอาไว้อวดคนขี้เซาทั้งหลายในตอนเช้า




นั่งสัปหงก พร้อมอาการสั่นน้อยๆ เพราะลมพัดมาแต่ละทีเย็นไปถึงสันหลัง
รอไปครึ่งชั่วโมงแสงจากท้องฟ้าเริ่มสว่างและสะท้อนลงมาบนพื้นสวน
จนทำให้เห็นภาพสวนได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ




แล้วดวงอาทิตย์ก็โผล่มาอวดโฉม สีส้มนวลมาแต่ไกล
นึกถึง Intro รายการทุ่งแสงตะวันขึ้นมาซะงั้น (คงเกิดทันดูรายการนี้กันนะ)




จากท้องฟ้าสีนวลก่อนหน้านี้ บัดนี้ตกอยู่ในโทนสีส้มด้วยฤทธิ์ของแสงตะวันยามเช้า




เห็นแสงตะวันสะท้อนกับน้ำในอ่างเก็บน้ำเบื้องหน้า
ทำให้ต้องรีบก้าวออกไปนอกตัวบ้านเพื่อไปเก็บภาพที่ริมน้ำ




ผมเดินไปจนถึงรั้วกั้นเขตของคุณลุงชรินทร์เจ้าของบ้านสวนหลังนี้
แต่ก็ข้ามไปฝั่งของริมน้ำไม่ได้ เดินกลับมาอีกทีก็เจอคุณลุงเดินมาพอดี




คุณลุงเล่าเรื่องที่มาที่ไปของบ้านสวนหลังนี้ พร้อมๆ กับเด็ดชมพู่จากต้นให้ผมทาน
นั่นเป็นความประทับใจแรกที่ผมได้รับจากที่นี่




ลุงชรินทร์พาเดินชมสวน เล่าแต่ล่ะส่วนประหนึ่งว่าผมจะมาลงทุนกับแก
ผมก็เคลิ้มนะฟังแกเล่าเนี่ย และก็คิดภาพตามแกได้เป็นการ์ตูนเลยล่ะ
บางพื้นที่แกเล่าว่ากางเต็นท์นอนดูดาวในช่วงฤดูหนาวก็โอเค... ผมว่าไม่ต้องหนาวก็ได้
นี่ขนาดช่วงเมษายนที่ว่าร้อนกันสุดๆ เนี่ย ตกดึกยังเล่นเอาผมสั่นเลย




เอ้อ ลุงเล่าว่าตอนหน้าหนาวที่นี่อากาศเย็นมากอยู่ที่ประมาณ 16 องศาเลยแหน่ะ
แต่คนเราก็นะ ชอบอะไรที่ทรมาณตนเอง ก็แย่งกันมาหนาวกันทุกปี




ตื่นเช้า... เอ๊ะ ไม่เช้าแล้ว เกือบสิบโมงเช้า สาวๆ ตื่นกันเต็มที่
ก็เข้าครัวทำอาหารกัน ผมก็นั่งมองอยู่ห่างๆ ว่าจะได้ทานอะไร




ต้มน้ำให้เดือด... โยนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงไป.... ผัดๆๆๆๆ...
บูมมมมม กลายเป็น!!!!! ผัดมาม่า




เรียบร้อย มื้อนี้เราไม่อดล่ะ




ทานข้าวเสร็จ คุณลุงชรินทร์พามาดูรูแมงมุงยักษ์ที่ติดมากับฝรั่ง (เรียกชื่อไม่ถูก)
และก็ได้เวลาต้องบอกลาบ้านสวน เราก็เก็บข้าวของขึ้นรถไปเที่ยวต่อที่บ้านต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ กัน










บ้านต้นไม้จริงๆ แล้วสร้างขึ้นด้วยปูนทั้งหมด ลุงเล่าว่าไม่อยากไปตัดไม้มาทำ
จึงใช้ปูนแต่งลายให้คล้ายต้นไม้แบบนี้ อีกอย่างก็เพื่อความแข็งแรงด้วย




ก่อนออกเดินทางต่อ คุณลุงสอยลำใยที่ปลูกไว้มาให้ชิม หวานเจี๊ยบ อร่อยติดใจจริงๆ




ออกจากบ้านต้นไม้ มุ่งตรงมายังวัดถ้ำประกายแก้ว




ทางขึ้นก็มีผาดโผนเล็กๆ น้อยๆ แต่เดินมากๆ ก็เหงื่อออกเหมือนกัน




นี่ผมเอง หอบแฮกๆ อยู่แต่หน้าคอม นานๆ ทีมาเดินป่าแบบนี้อาการเลยออก






เข้ามาถึงแล้ว มืดมาก ต้องฉายแฟรต จุดเทียนกัน




นี่แหล่ะครับเป็นประกายสวยเชียว




ก่อนกลับลงมาก็ถ่ายปากถ้ำ เก็บไว้ในความทรงจำ






เดินทางต่อไปยังน้ำตกธรรมชาติ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านกระเหรี่ยง




ฝนตกลงมาพอดีเลยไม่ได้ลงเล่นน้ำ ซึ่งก็เพราะกลัวกล้องเปียกฝนด้วย
จึงรีบออกเดินทางกลับ ห้องพัก แต่ยังไว้ลายขึ้นกะบะแล้วเล่นสงกรานต์ระหว่างทาง




ถึงห้องพักแบบสั่นๆ เพราะโดนสารพัดน้ำสาดเข้ามา
ผมคงเกินวัยจะมาทำอะไรแบบนี้แล้วจริงๆ จามไปตามทาง
เพราะแพ้อากาศเป็นทุนอยู่แล้ว แต่ไม่เป็นไรเมื่อถึงที่พัก
อาบน้ำแต่งตัว ไปจัดเต็มเนื้อย่างเกาหลี แถวๆ ห้องพักก็อาการดีขึ้น




สี่ทุ่มนิดๆ เช่ามอเตอร์ไซต์ ออกไปร่อนรับลมเย็นๆ ในตัวเมืองกำแพงเพชร
ยาวไปจนถึงริมแม่น้ำปิง พวกเรานั่งฟังเพลงจากร้านอาหารอีกฝั่งก็เพลินไปช่วงเวลาหนึ่ง
ก่อนจะแว๊บเข้าไปฟังเพลงที่ร้านดนตรีสดแห่งหนึ่ง แต่อาการง่วงเริ่มออก
พอๆ กับตอนนี้เหลือบมองดูเวลาก็ตีสี่ครึ่งจวนจะตีห้าแล้ว
หาวหวอดๆ ลาไปด้วยรูปนี้เลยนะ แล้วพบกันทริปหน้า ; )

No comments:

Post a Comment

Blog Comment

บทความที่ได้รับความนิยม