Dec 23, 2010

ประสบการณ์เที่ยวเกาะช้าง จ.ตราด สามวันสองคืน

เป็นครั้งแรกสำหรับผมที่จะมาเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยว ในมุมมองของตัวเอง
มีอะไรอยากแนะนำก็ได้เช่นเคย comment กันได้ที่ด้านล่าง

ทริป เกาะช้าง เป็นทริปที่เพื่อนผมจองตัวผมไว้นานมาก
และเราก็ได้ออกเดินทางกันซักที

เดินทางช่วง
27 กุมภาพันธ์ 2553 ถึง 1 มีนาคม 2553

วันที่หนึ่ง



เราจองตั๋วรถกันไว้ก่อนหน้าหลายสัปดาห์
อันที่จริงเข้าใจว่าเพื่อนผมมันอยากให้ผมไปด้วย
เลยบังคับให้จองเพื่อเป็นตัวประกันไว้ก่อน

ผมไม่ค่อยอยากไปหรอก เพราะไปกันสามคนไปก็เป็น ก ข ค เขาอยู่ดี
แต่มันก็อยากให้ไปด้วย สุดท้ายก็ได้ไปครับ



เรามาถึง ตัวเมืองตราด ประมาณตีสาม
แล้วก็นั่งรถสองแถวยิงยาวต่อไปถึงท่าเรือครับ
สภาพรอบๆ ตัวช่วงนั้นยังคงมืดสนิทครับ
แหงนมองท้องฟ้าสวยดี ดาวเป็นประกายระยิบระยับไปหมด



และแล้วก็มาถึงท่าเรือครับ ช่วงที่ท่าเรือยังไม่เปิดให้ใช้เรือข้าม
เราก็ไปหาอะไรทานกันแถวๆ นั้น รอจนฟ้าเริ่มสว่าง [หกโมงเช้า]
เจ้าหน้าที่ก็เปิดประตูให้เราเข้าไปครับ



และอรุณรุ่งก็มาเยือน เราได้เห็นแสงแรกของวันบนเรือเฟอร์รี่ครับ
ข้ามฟากไปปั๊บเราก็นั่งสองแถวเข้าไปลงหาดไก่แบ้ เพื่อเดินหาที่พักต่อ



เราได้ห้องติดวิวทะเล ลมโชยมาทีนี่รู้สึกสดชื่นมาก
ห้องที่ได้เป็นห้องพัดลม มีห้องน้ำในตัว ราคาคืนล่ะ 1500.-
ข้างบนเป็นรูปในห้อง มีสองเตียงครับ



ด้านหน้าห้องพัก



ด้านซ้ายของตัวบ้านเป็นที่นั่ง..
นอน ฟังเสียงคลื่น รับลมโกรก
(วันที่สองนี่ผมก็มานอนหลับอยู่มุมนี้แหล่ะ)



นอกจากมุมนั้นแล้วข้างๆ ยังนั่งทำกิจกรรมเล็กๆ
อย่างเล่นกีตาร์ ร้องเพลงฟัง มองทะเล เพลินๆ ได้อีกด้วย



ทะเลใสๆ น่าเล่นไหม



มีต้นไม้ยื่นมาในทะเล เราเล่นกันร่มๆ ตรงนี้นานเลยครับ



พายเรือคายัพมาอีกเกาะ แอบจอดเรือหลบแดด
ใต้ซุ่มไม้เตี้ยๆ พอดีตัวคน มองไปไกลๆ ก็จะเห็นเกาะที่เราอยู่



ถ้าพายเรือเข้ามา หลังเที่ยงคงไม่ได้เห็นธรรมชาติสวยๆ แบบนี้



น้ำเริ่มลดแล้วครับ เพราะเลยช่วงเที่ยงวันมาแล้ว
แฟนเพื่อน เป็นคนเฝ้าเรือ ส่วนผมกับเพื่อน
ก็ไปงมดูปลาห่างไปประมาณสองร้อยเมตร
กลับมาอีกที เรือเราเกยหิน เรียบร้อย
กว่าจะลากเรือออกมาได้ เหนื่อยเหมือนกันครับ



เราพายมาอีกซีกหนึ่งของเกาะ ที่เป็นหาดเล็กๆ ครับ น้ำใสมาก



ด้านซ้ายป่ากงกางเล็กๆ มีทรายสีขาวๆ
เหยียบลงไป นุ่มยิ่งกว่าเดินบนปุยนุ่น



มีปูเสฉวน ด้วย



หลังจากพายกลับจากเกาะ ปล่อยเพื่อนหัดว่ายน้ำให้แฟน
ส่วนผมก็นอน อืด บนเรือคายัค รอเวลาต่อไป



จากภาพตะกี้ เห็นแสงอาทิตย์แยงตาหน่อยๆ
เปิดหมวกออกดู มุมนี้เห็นท้องฟ้าสีสวย
ได้ยินเสียงคลื่นใกล้ๆ บอกได้ว่าแจ่มจริงๆ



เพื่อนไปเจอหอยเม่นมา เลยเอาขึ้นมาไว้ข้างๆ เรือ
พอมันไม่มีน้ำ ก็เริ่มกรอบ เริ่มแห้งครับ
ตอนกลับเราเลยเอาเรือพามันไปปล่อย ไว้ในทะเลไกลๆ



หลังจากเรานำเรือไปคืน ก็หลับสลบกัน
จนตะวันจะลาขอบฟ้าโน่นแหล่ะครับ
ตกดึกเราเข้าไปเดินดูในตัวเมือง และหาข้าวเย็นทานกัน
ก็ลงเอยที่เนื้อย่างครับ จากนั้นก็กลับห้อง นอน สบายใจเฉิบครับวันนั้น



วันที่สอง



เช้ามาเราก็มาทานอาหารกันที่ "โชคดีรีสอร์ท"
พร้อมกันนั้นก็มาเจอกับพี่ที่ตามมาสมทบอีกสองคน



บรรยากาศวิวบริเวณร้านครับ



น้ำใส และตื้น ประมาณ เอว



รายการอาหาร ทะเล มาเต็มโต๊ะ อร่อยด้วยนะ



ทานข้าวกันเสร็จเพื่อนผมกับแฟนก็ลงไปเล่นน้ำต่อ
ส่วนผมไม่ไหว แดดแรงเกินไปหน่อย ขอเก็บภาพรอบๆ ล่ะกัน
อันนี้เก็บภาพ ฝรั่งอาบแดด



กระท่อมของเราจากมุมทะเลมองเข้ามา



แดด เผาครับ แดงเลย
พอเริ่มหิวได้ที่ ก็เดินเลาะชายหาดไปหาอะไรทานกัน
ซึ่งก็จบลงที่ร้านเดิม รายการอาหารตามนี้



ปลากระพง ทอดน้ำปลา



น้ำจิ้มมากับอาหารชุดตะกี้



เนื้อสำหรับย่าง



หมึกมะนาว



ลงมือปฏิบัติการ



เดินเลาะชายหาดกลับเช่นเดิม ผมออกมานั่งฟังเสียงคลื่นอยู่คนเดียว
นั่งอยู่สักพัก แล้วถ่ายวิวทะเลตอนกลางคืน ถ่ายยากจริงๆ เพราะมืดมาก
จะเห็นว่าน้ำลงไปเยอะเลย



มุมนี้ที่เล่นเมื่อวันแรก



อีกมุมครับ ชายหาด



ถ่ายฟ้าอีกที พระจันทร์ดวงใหญ่
คล้ายกับ พระอาิทิตย์ส่องสว่างยามค่ำคืน
และก็จบไปอีกหนึ่งวัน



วันที่สาม [วันกลับ]



เป็นเหมือนคำกล่าวลาจากธรรมชาติ
และเป็นความงดงามที่ได้สัมผัสใกล้ๆ ครั้งแรกในชีวิต



เพื่อนปลุกขึ้นมา ช่วงประมาณ ตีห้าถึงหกโมงเช้า เพราะแสงจันทร์สว่างสวย
จนต้องลุกมานั่งเก็บบรรยากาศไว้ให้เพื่อนๆ ที่นี่ได้มาดูกัน



ผมนั่งฟังเสียงคลื่นดูเงาสะท้อนของพระจันทร์จนเริ่มเลือนหายไป
จนกระทั่งกลายเป็นแสงสว่างของวันใหม่



เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ทุกอย่างก็กลับมาึคล้ายวันแรกที่เรามา



มองไปรอบๆ เก็บภาพเหล่านี้ไว้ แล้วจะมาอีก จะมาอีกแน่ๆ



ลากันก่อน เจ้าปูน้อย กับผืนทราย



ลาไปก่อน กิ่งไม้ที่ให้เราได้โหนเล่นในวันแรกที่มาเยือน



แบกเป้ขึ้นหลังเดินไปรอรถสองแถวเพื่อไปท่าเรือ



นั่งรอสองแถว



บ๊ายบาย เกาะช้าง



ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มาอีก



ออกมาจากท่าเรือประมาณเที่ยงครับ
ทางออกจะมีจุดขายตั๋วรถตู้กลับอนุเสาวรีย์อยู่



นี่เลยราคา 300.-
และออกจากนั่นประมาณ บ่ายสองได้ รถตู้น้อยครับต้องรอ
กลับถึงกรุงเทพ ราวๆ สองทุ่มได้ครับ

จบทริปครับ : ) ขอบคุณที่มาอ่านกันครับ
comment ให้หน่อยนะครับ เป็นแรงใจให้หน่อยอยากได้ๆ :P

1 comment:

  1. สุดยอดค่ะ น่าหนุก น่าหนุก เป็นประโยชน์ให้กับคนที่จะไปมากเลยนะคะ ขอบคุณ มาก มากค่ะ

    ReplyDelete

Blog Comment

บทความที่ได้รับความนิยม