Sep 21, 2011

ล่องแก่ง เมืองคอน (นครศรีธรรมราช) 2/3

ได้เวลารื้อฟื้นเหตุการณ์และประสบการณ์เก่าๆ มาเล่าให้จบ

ก่อนอื่นขออภัยทุกท่านที่ตามอ่าน (มีไหมเนี่ย) แบบเงียบๆ ในบทความก่อนหน้า

ตอนนี้สะดวกที่จะพิมพ์ และเน็ตค่อนข้างลื่นไหล จึงไม่รอช้าเขียนต่อทันที




หนำไพรวัลย์ เป็นสถานที่หนึ่งในเหตุการณ์น้ำหลาก และดินโคลนถล่ม

ที่นี่ตั้งอยู่ใจกลางป่า อยู่ติดสายน้ำที่น่าจะดูดุดันมากหากมาในช่วงฝนตกหนัก

และในช่วงเหตุการณ์นั้น มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ถูกขังอยู่ภายในรีสอร์ท

และประชาชนแถวนั้น ก็มาอาศัยที่รีสอร์ท ช่วยเหลือกัน เพราะสะพานขาด

กระแสน้ำเชี่ยว ฮอร์ริคอปเตอร์ ก็ไม่สามารถเข้ามาได้

จำได้คร่าวๆ ผู้คนที่ติดอยู่ที่นี่ประมาณ เจ็ดสิบกว่าชีวิต

อาหารและน้ำ ตอนนั้นไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ จึงต้องใช้กันอย่างประหยัด

และหลุดพ้นพิบากกรรม มาได้ในสามวันให้หลัง

โดยการเดินป่า ตะลุยออกมาโดยเจ้าหน้าที่นำทาง

ฟังแล้วก็น่าเห็นใจ และรู้สึกโล่งใจไปพร้อมกัน ที่พวกเขาต่างก็ปลอดภัย






เราได้พักทานข้าวเที่ยงกันที่นี่ และมีการพูดคุยกันเรื่องการกระตุ้นการท่องเที่ยวในภาคใต้

และพื้นที่ประสพภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าว ว่าเราจะหาทางดำเนินการแก้ไขได้อย่างไร




แต่เนื่องจากที่นั่งภายในเต็ม ผมจึงต้องนั่งฟังอยู่ข้างนอก ก็เก็บภาพเล็กๆ น้อยๆ โดยรอบ




ดอกไม้




ดอกไม้อีก...




ค่อนข้างติดใจกับลายสลัก น่าจะแพงเหมือนกัน




ผู้ร่วมก๊วน




ทางลงไปยังที่จอดรถ (ที่เราขึ้นมาก่อนหน้านี้)


เสร็จจากภาระกิจ เราก็ไปต่อกันที่กิจกรรม โดยมีให้เลือกสองอย่าง

คือ ล่องแก่ง, กับเข้าถ้ำหงส์ (หงส์ ในภาษาใต้ หมายถึง สวย)

กิจกรรมนี้ผมเลือกที่จะ ล่องแก่ง เพราะยังไม่เคยมาก่อน

ขอเปิดซิงกับที่นี่ล่ะกัน (แรดเนาะ ฮาๆ)




ก่อนลงต้องเตรียมพร้อม อุปกรณ์ชูชีพ รัดกุมๆ จะได้ไม่จมน้ำ




เป็นแก่งที่ค่อนข้างจะอันตรายพอสมควร ระยะทางประมาณ แปดกิโลเมตร

ประกอบด้วยจุดคดเคี้ยวใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นจาก น้ำหลากและดินโคลนถล่ม




เริ่มลงเรือกันแล้ว เรือลำนี้ท่าทางจะแออัดซักหน่อย




เราออกมาเป็นลำเกือบสุดท้าย




ลักษณะการนั่งของคนพาย คือ คุมท้าย และคุมหน้า




สภาพพื้นที่ โดนพวกเราเปิดซิง




มีโขดหิน ปะปราย ฉะนั้น ควรจะสวมหมวกกันน็อกก่อนลงเรือ







ในขณะที่ผมนั่งบนเรือยาง ผ่านไปไม่กี่โค้ง

เรือเราก็ชนกับ เรือของอีกลำหนึ่ง (เรือที่นั่งเบียดๆ อัดกันลำเล็กๆ ก่อนหน้านี้แหล่ะครับ)

ชนปั๊บ เรือก็คว่ำ กล้อง DSLR ในมือผม เกือบจะหลุดจากมือ

ผมชูมือขึ้นสูงสุดหัว เพื่อไม่ให้กล้องโดนน้ำ

แต่ตัวผมจมลงไปใต้น้ำทั้งตัว

ร่างกายผมหมุนไปตามน้ำ (น้ำวน)

ทันใดนั้น มืออีกมือก็คว้าแขนผมไว้ ผมรีบนำกล้องฝากเขาไปทันที

ส่วนตัวเองหมุนติ๊วๆ (ให้นึกถึงตอนเราปล่อยน้ำลงท่อ หมุนเร็วอย่างนั้นเลย)

ผมขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย เอวบิดนิดหน่อย

เปียกไปทั้งตัว

ส่วนเรืออีกลำ มือถือ, นาฬิกา, กล้องถ่ายรูป, ที่ฝากๆ กันไว้...

หายไปกับสายน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย

ผมหายตกใจ และขึ้นเรือไปกันต่อ อะไรที่เสียแล้วก็เสียไป

เราไปกันต่อผมมองดูซ้ายขวา รอบๆ ระหว่างล่องแก่ง

มีบ้านเรือนที่อยู่ริมน้ำ ต่างก็ได้รับผลกระทบ บ้างก็หายไปกับสายน้ำ

บ้างก็เหลือเพียงแต่ที่ดิน ไว้ดูต่างหน้า

บางรีสอร์ท พึ่งสร้างเสร็จยังไม่ทันได้เปิดอย่างเป็นทางการ

ก็หายวับไปกับตา




ณ ตอนนั้นผมเสียดายโอกาส ที่จะได้ถ่ายภาพ

เพราะรอบๆ ดูแปลกตาไปหมด

แต่อย่าว่าอย่างนั้นเลย ผมแค่หวังว่ากล้องในมือจะไม่พังก็ดีมากแล้ว




เรามาถึงฝั่ง




นบพิตำ...


เสร็จสรรพ ทดสอบแล้วกล้องใช้ได้ก็ใจโล่งขึ้น

พวกเราจึงเดินทางไปที่พัก อาบน้ำแต่งตัว แล้วไปงานเลี้ยง

ที่ทางจังหวัดนครศรีธรรมราชจัดไว้ให้ ซึ่งจัดบริเวณสวนสาธารณะ













มีการเตรียมอาหารพื้นเมือง และการแสดงไว้ให้




จัดกลางลานเลย




น่าตาอาหาร จัดมาสวยงาม ลดชาติจัดจ้าน คนที่ชอบรสจืดๆ อย่างผม

น้ำตาไหลด้วยความเผ็ด แต่ก็ทานอย่างอร่อย เพราะของเขาดีจริงๆ




ดูเป็นอย่างๆ ไปล่ะกัน จำชื่ออาหารไม่ได้เลย










น่าอร่อยใช่ไหมล่ะ




ระหว่างที่เราทานก็มีการแสดงด้วย จัดมาซะเต็มที่เลย










หน้าตารูปร่าง น้องๆ ที่นี่ สวยคม กันทุกนาง




ถ่ายรูปร่วมกัน


เสร็จสิ้นพิธีการในช่วงเย็นเราก็กลับที่พัก

เป็นที่พักที่ค่อนข้างน่าประทับใจ เพราะติดทะเลเลย





สวยเนาะ




ฟ้าโปร่ง สวยใส








ตัวโรงแรมครับ




ลานที่นั่งดูการแสดง ในช่วงที่ประจันทร์เต็มดวง




ตอนนี้ฝนใกล้จะตกแล้ว




ขอถ่ายกับทะเลสักภาพ




ถ้าใครอยากจะไปพักบรรยากาศประมาณนี้ ก็เชิญที่นี่เลยครับ

ตั้งใจจะให้จบแต่สงสัยจะยาวเกินไปแล้ว ไว้ต่อกับ โลมาสีชมพู ที่ขนอม นะครับ

No comments:

Post a Comment

Blog Comment

บทความที่ได้รับความนิยม